เหตุเกิดจากเดินซื้อของ big-C เจอบูธขายรถ เค้าจอดโชว์รถตัวใหม่ ขณะจ้องตาไฟหน้า และกำลังเคลิบเคลิมกับลายเส้น เสน่ห์เทคโนโลยีdaylight รู้ตัวอีกครั้งน้องเซลล์ก็มาดักหลัง อ้าวติดกับดักซ่ะแล้วเรา น้องเค้าก็ถามว่าสนใจตัวนี้เหรอค่ะ พอเดินวนรบรถเสร็จก็ นั่งก่อนค่ะ เอาฟ่ะแม่กวางน้อย อยากคุยด้วย พูดนู้นนี่เยอะเยะ จนงง เอาว่าผมต้องจ่ายเท่าไหร่ ผ่อนต่อเดือน เท่าไหร่? คุณน้องกดเครื่องคิดเลขยิกๆเลย ถามว่าผ่อน4ปีเท่าไหร่ 5ปีเท่าไหร่ คุณน้องไม่พูด กดอย่างเดียว แล้วยื่นตัวเลขให้ดู โน้มน้าวโปรนู้นนี่ แบบบอลลูน , ลดต้นลดดอก, สบายดี, สมปอง, สมใจ พูดไรมาฟังไม่รู้เรื่อง มองเพลินอย่างเดียวเลย พอได้เวลาก็ขอตัวกลับดีกว่า ยังจะมาขอไลน์ด้วย นานๆทีจะมีหญิงขอ จัดไป555
ระหว่างทางกลับบ้าน ก็เลยสงสัยว่ามันเป็นเทคนิคขายรึนี่ ปัจจุบันมีทั้งsmart phone, ipad , appเจ๋งๆต่างๆ ทำไมผู้ขายต้องมานั่งกดเครื่องคิดเลขด้วยทำให้ลูกค้างงด้วยฟ่ะ เกรงว่าจะโดนคนสวยหลอกแน่นอนแบบนี้ นึกได้ว่าสมัยก่อนก็เคยเรียนมาบ้าง จึงเป็นที่มาของการแบ่งปันวิธีคำนวนเงิน ว่าสถาบันการเงินเค้าคิดตังค์ยังไง ไม่ใช่ไฟแนนซ์บอกมาไงก็ตามนั้น อย่างน้อยเป็นความรู้หลักการด้านการเงินระดับพื้นฐาน จะตามทันsaleสวยๆได้ อิอิ... ไม่รู้ว่าปัจจุบันมีวิธีคิดยังไง แต่กระผมขอเสนอพื้นฐานการคิดสมัยตอนเรียนมา ผิดถูกประการใดแนะนำได้ครับ
Installment Loan หรือ การซื้อสินค้าเงินผ่อน ก็คือการแบ่งชำระเป็นส่วนๆ จนครบ คือตอนเด็กก็คิดว่า ซื้อของก็ต้องจ่ายตังค์ไปดิ พอโตขึ้นก็พึ่งเข้าใจว่าของบางอย่างมันแพง จะรอเก็บตังค์จนครบแล้วค่อยซื้อก็คงไม่มีโอกาศได้เป็นเจ้าของแน่นอน หรือ10ปีผ่านไปเก็บเงินได้ครบ แต่ราคาวิ่งนำหน้าไปไกลจนกว่าที่จะอาจเอือมได้ ไม่ว่ารถยนต์หรือบ้านก็ตาม เอาเป็นว่าพื้นฐานแรกๆเลย Textฝรั่งตอนเรียนเค้าบอกว่า นี่คือ "Time Value of Money" มูลค่าของเงินวันนี้ ยอมมีมูลค่ามากกว่า เงินที่อยู่ในอนาคต หรือในทางตรงกันข้าม เงินในอนาคตย่อมมีมูลค่าน้อยกว่าปัจจุบัน
ยกตัวอย่าง
เห็นภาพมั้ย? เป็นเพราะอะไรไม่ขอลงลึกในทฤษฎี ท่านใดสนใจสามารถศึกษาเพื่มเติมศาสตร์วิชาการเงินได้ครับ
เงินกู้ที่สถาบันการเงินต่างๆปล่อยกู้ มีหลายประเภทตามเงื่อนไขการจ่ายชําระดอกเบี้ย และการจ่ายคืนเงินต้น โดยทั่วไป มี 4 ประเภทดังนี้
1. Pure Discount Loans
2. Interest – Only Loans
3. Amortized Loans
4. Installment Loans หรือ Add – On Interest Loans
ดังนั้น การคำนวณก็จะมีคำศัพท์ เงินต้น,ดอกเบี้ย,งวด, Present Value(PV) มูลค่าเงินในปัจจุบัน , Future Value(FV) มูลค่าเงินในอนาคต ,Net Present Value๖NPV)มูลค่าปัจจุบัน , Rate อัตราดอกเบี้ย, ฯลฯ
ยิ่งเยอะยิ่งงง เอาบ้านๆ แล้วกัน ไม่ว่ารถยนต์ ,มือถึอ,TV, เครื่องเสียง ของพวกนี้นานๆไป มูลค่าลดลง เค้าจึงคิดดอกเบี้ยแบบ ณ มูลค่าปัจจุบัน(Present Value)ตามวิธีที่ 4 Installment Loans คือ การคิดดอกเบี้ยแบบFlat Rate โดยวิธีนี้จะคิดดอกเบี้ยจากจํานวนเงินต้นเต็มจํานวนตลอดระยะเวลากู้เงิน นําไปรวมกับเงินต้น จะได้ยอดเงินรวมที่ต้องผ่อนชําระคืน ทั้งหมด ถ้ากําหนดชําระคืนเป็นงวดๆ เช่น 60 เดือน ให้เอาจํานวนงวดเดือนที่กําหนดให้มีการผ่อนเป็นตัวหาร จะได้ยอดผ่อนชําระเป็นรายงวดในที่สุด แต่การกู้โดยมีการคิดดอกเบี้ยวิธีนี้ ทําให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่บอกมาเป็นอย่างมาก แต่ทำไงได้ เงินสดไม่พอก็ต้องยอมให้ดอกเบี้ยคนอื่นเค้ากิน ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า ขับก่อนหล่อก่อน555 อันนี้แล้วแต่ทัศนะของแต่ละท่าน ไม่เหมือนพวกมูลค่าของบ้าน หรือที่ดิน เพราะพวกนี้โดยมากจะมีมูลค่าเพื่มและค่าเสื่อมทางบัญชีไม่ได้โหดเหมือนรถยนต์ การคำนวนก็ต้องคิดแบบที่3 Amortized Loans คือลดต้นลดดอก ยิ่งสินค้ามูลค่าสูง ถ้าเอาไปคิดแบบที่4ก็ผ่อนกันทั้งชาติพอดี
เอาล่ะมาดูกันดีกว่า ผ่อนรถคิดยังไง
ตัวอย่าง Altis ESport 939,000 บาท (ราคารถมือ1 เค้ารวมVAT7%ไว้แล้ว), ดาวน์ 35%, ผ่อน 4 ปี ดอกเบี้ย 2.39%
ผมทำexcelง่ายๆไว้ให้ สามารถเติมราคา,เงินดาวน์,ดอกเบี้ย ตามเงื่อนไขของแต่ละท่านได้เลย
เห็นมั้ยครับว่า ถ้าผ่อนไฟแนนท์4ปี ต้องเสียดอกเบี้ยทั้งหมด 58,349.46บาท และขอให้รู้ไว้ว่าการโปะเงินผ่อนรถ นั้นไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่ เพราะดอกเบี้ยมันเฉลี่ยไปทุกงวดแล้ว จ่ายเงินเกินค่างวดก็แค่ปิดได้เร็วขึ้น ไม่ได้ช่วยให้ดอกเบี้ยลด ก็แค่จ่ายให้ตรงงวด ไม่มีค้าง แค่นี้ก็รอดแล้ว ระวังให้ดี เดือนไหนเงินช็อต ลืมหรือจ่ายขาด เลยกำหนดแม้แต่วันเดียว เค้าคิดดอกเบี้ยและค่าติดตามทันที เถียงมันก็ไม่ไม่มีทางชนะ หากดื้อไม่ยอมจ่าย อย่าหลงดีใจ พอผ่อนจบสุดท้ายโอนไม่ได้อยู่ดี อะไรที่ค้างมันต้องเคลียเช็ดเม็ดหักกลบทุกอย่างก่อนปิดบัญชี
ดังนั้น ถ้าอยากจะลดดอกเบี้ยแนะนำให้วางเงินดาวน์เยอะๆ เมื่อยอดกู้น้อย ดอกเบี้ยก็น้อย (เงินกรู...ดีกว่าเงินกู้นะจ๊ะ) ควรคิดตัวเลขในใจไว้ก่อนเลย ว่าแต่ละเดือนไหวที่เท่าไหร่ จะได้ภาพกว้างๆ ซึ่งช่วยให้วางแผนว่าจะเป็นหนี้กี่เดือนกี่ปี มันไม่เหมือนกู้เงินซื้อบ้าน แต่ละงวดลดต้นลดดอก โป๊ะงวดนี้เยอะ สามารถลดเงินต้นได้เยอะ งวดหน้าดอกเบี้ยก็จะคำนวนจากเงินต้นที่ลดลง ทำให้ดอกลดลง ยิ่งอดออมขยันโป๊ะยิ่งได้ประโยชน์ ปลดหนี้ได้เร็ว แต่เห็นเดี่ยวนี้ได้ยินมาว่าไฟแนนซ์เค้าใจดี ถ้าผ่อนกับเขามาระยะหนึ่งแล้วอยากปิด เขาจะมีส่วนลดเฉพาะดอกเบี้ยให้บางส่วน (ใครมีประสบการณ์ คิดยังไงบอกหน่อยจะเก็บไว้พิจารณา)
สุดท้าย พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า "ทุกข์ของคฤหัสถ์ คือ การเป็นหนี้" เพราะผู้ใดเมื่อเป็นหนี้ ย่อมเกิดความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เนื่องจากต้องปฏิบัติการชำระหนี้ซึ่งถ้าสามารถมีหนทางชำระหนี้ได้ ก็จะหลุดพ้นจากทุกข์ แต่ถ้าไม่สามารถชำระหนี้ได้ก็จะยิ่งทุกข์หนักเพิ่มขึ้นทุกทีกลายเป็นทวีคูณ ผมขอให้ทุกท่านหลุดพ้นภาวะลูกหนี้กันโดยเร็ว และข่มกิเลสไม่ต่อคันใหม่ เอาที่พอเพียง ชีวิตก็slow lifeแบบไม่ต้องไปอยู่บ้านนอกแล้ว (บอกตัวเองเหมือนกัน😊)
สุดท้ายนี้ หากเนื้อหามีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ แจ้งมาได้ครับ ถึอว่าแบ่งปันกัน ผมจะเอาไปปรับปรุง เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านครับ
เส็งซ่อมรถ